CMS คืออะไร?

CMS ย่อมาจาก Content Management System เป็นแอปพลิเคชันซอฟต์แวร์ที่ช่วยให้ผู้ใช้สร้าง จัดการ และเผยแพร่เนื้อหาดิจิทัล โดยทั่วไปสำหรับเว็บไซต์ โดยไม่ต้องมีความรู้ทางเทคนิคเฉพาะด้าน

CMS คืออะไร?

CMS ย่อมาจาก Content Management System เป็นซอฟต์แวร์ที่ช่วยให้ผู้คนสร้างและจัดการเนื้อหาดิจิทัล เช่น เว็บไซต์ บล็อก และร้านค้าออนไลน์ คิดว่ามันเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้สร้างและอัปเดตเว็บไซต์ได้ง่ายขึ้นโดยไม่จำเป็นต้องรู้การเขียนโค้ดมากมาย มีอินเทอร์เฟซที่เป็นมิตรกับผู้ใช้ที่ให้คุณเพิ่มและแก้ไขข้อความ รูปภาพ วิดีโอ และเนื้อหาประเภทอื่นๆ

ระบบจัดการเนื้อหา (CMS) คือแอปพลิเคชันซอฟต์แวร์ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถสร้าง จัดการ และเผยแพร่เนื้อหาดิจิทัลโดยไม่ต้องใช้ความรู้ด้านเทคนิคมากมาย แพลตฟอร์ม CMS ใช้เพื่อจัดการเนื้อหาสำหรับเว็บไซต์ อินทราเน็ต และแอปพลิเคชันมือถือ อนุญาตให้ผู้ใช้สร้างและเผยแพร่เนื้อหา จัดการเวิร์กโฟลว์ และทำงานร่วมกับผู้อื่นในระบบรวมศูนย์

แพลตฟอร์ม CMS ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้ผู้ใช้จัดการเนื้อหาได้ง่ายโดยไม่ต้องใช้ความรู้ด้านเทคนิคมากมาย โดยทั่วไปแล้วจะมีอินเทอร์เฟซที่เป็นมิตรต่อผู้ใช้ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถสร้างและแก้ไขเนื้อหา จัดการไฟล์มีเดีย และเผยแพร่เนื้อหาไปยังช่องทางต่างๆ โดยทั่วไปแล้ว แพลตฟอร์ม CMS ยังมีคุณสมบัติต่างๆ เช่น การควบคุมเวอร์ชัน การจัดการเวิร์กโฟลว์ และเครื่องมือการทำงานร่วมกัน ซึ่งทำให้ทีมทำงานร่วมกันในการสร้างและจัดการเนื้อหาได้ง่าย

โดยรวมแล้ว แพลตฟอร์ม CMS เป็นเครื่องมือที่จำเป็นสำหรับธุรกิจและองค์กรที่ต้องจัดการเนื้อหาดิจิทัลจำนวนมาก พวกเขาจัดเตรียมระบบส่วนกลางสำหรับการสร้างเนื้อหา การจัดการ และการเผยแพร่ ซึ่งสามารถช่วยปรับปรุงเวิร์กโฟลว์ ปรับปรุงการทำงานร่วมกัน และเพิ่มประสิทธิภาพ

CMS คืออะไร?

CMS หรือระบบจัดการเนื้อหา คือแอปพลิเคชันซอฟต์แวร์ที่ช่วยให้ผู้ใช้สร้าง จัดการ และเผยแพร่เนื้อหาดิจิทัล ได้รับการออกแบบมาเพื่อลดความซับซ้อนของกระบวนการสร้างและบำรุงรักษาเว็บไซต์โดยจัดเตรียมส่วนต่อประสานที่ใช้งานง่ายสำหรับผู้ใช้ที่ไม่เชี่ยวชาญด้านเทคนิค CMS จัดเตรียมตำแหน่งศูนย์กลางสำหรับการจัดเก็บเนื้อหา ตลอดจนเครื่องมือสำหรับการสร้าง แก้ไข และเผยแพร่เนื้อหา

มี CMS หลายประเภทให้เลือก ตั้งแต่แพลตฟอร์มบล็อกธรรมดาไปจนถึงระบบระดับองค์กรที่ซับซ้อน CMS ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ได้แก่ WordPress, Drupal และ Joomla CMS แต่ละตัวมีคุณสมบัติและประโยชน์เฉพาะของตัวเอง ดังนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องเลือกให้เหมาะกับความต้องการเฉพาะของคุณ

ข้อได้เปรียบที่สำคัญอย่างหนึ่งของ CMS คือช่วยให้ผู้ใช้หลายคนทำงานร่วมกันในการสร้างและจัดการเนื้อหาได้ สิ่งนี้มีประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับองค์กรขนาดใหญ่ที่มีหลายแผนกหรือหลายทีมที่ทำงานในด้านต่างๆ ของเว็บไซต์ CMS สามารถจัดเตรียมแพลตฟอร์มแบบรวมศูนย์สำหรับการทำงานร่วมกัน ทำให้ผู้ใช้สามารถแบ่งปันเนื้อหา ติดตามการเปลี่ยนแปลง และจัดการเวิร์กโฟลว์

ข้อดีอีกประการของ CMS คือสามารถช่วยปรับปรุงกระบวนการพัฒนาเว็บไซต์ ด้วยการจัดเตรียมเทมเพลตและธีมที่สร้างไว้ล่วงหน้า CMS สามารถลดเวลาและความพยายามในการสร้างเว็บไซต์ที่ดูเป็นมืออาชีพได้อย่างมาก นอกจากนี้ CMS จำนวนมากยังมีปลั๊กอินและส่วนขยายที่สามารถใช้เพื่อเพิ่มฟังก์ชันเพิ่มเติมให้กับเว็บไซต์ เช่น การผสานรวมโซเชียลมีเดีย ความสามารถด้านอีคอมเมิร์ซ และอื่นๆ

โดยรวมแล้ว CMS เป็นเครื่องมือที่จำเป็นสำหรับทุกคนที่ต้องการสร้างและจัดการเนื้อหาดิจิทัล ไม่ว่าคุณจะเป็นบล็อกเกอร์ เจ้าของธุรกิจขนาดเล็ก หรือองค์กรขนาดใหญ่ CMS สามารถช่วยให้คุณปรับปรุงกระบวนการสร้างและจัดการเนื้อหาของคุณ และทำให้มั่นใจได้ว่าเว็บไซต์ของคุณทันสมัยอยู่เสมอและดึงดูดผู้ชมของคุณ

ทำไมต้องใช้ CMS?

ระบบจัดการเนื้อหา (CMS) คือแอปพลิเคชันซอฟต์แวร์ที่ให้คุณสร้าง แก้ไข และจัดการเนื้อหาดิจิทัล ซึ่งโดยปกติจะใช้กับเว็บ แต่ทำไมต้องใช้ CMS? นี่คือประโยชน์บางประการของการใช้ CMS

ประโยชน์ของ CMS

ใช้งานง่าย

CMS มีอินเทอร์เฟซที่เป็นมิตรกับผู้ใช้ซึ่งทำให้ผู้ใช้ที่ไม่เชี่ยวชาญด้านเทคนิคสามารถจัดการเนื้อหาเว็บไซต์ได้ง่าย ด้วย CMS คุณไม่จำเป็นต้องมีความเชี่ยวชาญทางเทคนิคในการสร้าง แก้ไข และเผยแพร่เนื้อหา อินเทอร์เฟซได้รับการออกแบบให้ใช้งานง่ายและใช้งานง่าย

การจัดการสินทรัพย์ดิจิตอล

CMS จัดเตรียมตำแหน่งส่วนกลางเพื่อจัดการสินทรัพย์ดิจิทัล เช่น เอกสาร ข้อความ วิดีโอ และเสียง คุณสามารถจัดระเบียบและดึงข้อมูลดิจิทัลโดยใช้ CMS

ค้นหาและดึงข้อมูล

CMS มีฟังก์ชันการค้นหาและดึงข้อมูลที่ช่วยให้คุณสามารถค้นหาและดึงเนื้อหาได้อย่างรวดเร็ว คุณสามารถค้นหาเนื้อหาตามคำหลัก ผู้แต่ง วันที่ และเกณฑ์อื่นๆ

การจัดการเวิร์กโฟลว์

CMS ช่วยเพิ่มความคล่องตัวในการจัดการเวิร์กโฟลว์โดยจัดทำแบบเอกสารสำเร็จรูปสำหรับการสร้างเนื้อหา การตรวจทาน และการอนุมัติ คุณสามารถตั้งค่าเวิร์กโฟลว์ที่ตรงกับความต้องการและกระบวนการขององค์กรของคุณ

ยืดหยุ่นและปรับขนาดได้

CMS มีความยืดหยุ่นและปรับขนาดได้ ซึ่งหมายความว่าสามารถเติบโตได้ตามความต้องการขององค์กรของคุณ คุณสามารถเพิ่มคุณสมบัติและการทำงานใหม่ให้กับ CMS ได้โดยการติดตั้งปลั๊กอินและส่วนขยาย

CMS แบบโอเพ่นซอร์ส

ระบบ CMS แบบโอเพ่นซอร์สเป็นโซลูชันที่คุ้มค่าสำหรับการจัดการเนื้อหาเว็บไซต์ คุณสามารถแก้ไขและปรับแต่ง CMS แบบโอเพ่นซอร์สให้ตรงกับความต้องการขององค์กรของคุณได้

Security

CMS มีคุณสมบัติด้านความปลอดภัยที่ปกป้องเว็บไซต์ของคุณจากการเข้าถึงและการแฮ็คโดยไม่ได้รับอนุญาต คุณสามารถตั้งค่าบทบาทของผู้ใช้และการอนุญาตเพื่อควบคุมการเข้าถึงเนื้อหาและคุณสมบัติต่างๆ

กำหนดค่าส่วนบุคคล

CMS มีคุณสมบัติส่วนบุคคลที่ช่วยให้คุณสร้างเนื้อหาเป้าหมายสำหรับผู้ชมเฉพาะ คุณสามารถสร้างเนื้อหาที่เหมาะกับความต้องการและความสนใจของผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ของคุณ

บูรณาการ

CMS มีคุณสมบัติการรวมที่ช่วยให้คุณเชื่อมต่อเว็บไซต์ของคุณกับแอปพลิเคชันและบริการอื่นๆ คุณสามารถรวมเว็บไซต์ของคุณเข้ากับโซเชียลมีเดีย อีคอมเมิร์ซ ฟอรัม และช่องทางดิจิทัลอื่นๆ

Front-End และ Back-End

CMS มีส่วนต่อประสานส่วนหน้าสำหรับผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์และส่วนต่อประสานส่วนหลังสำหรับบรรณาธิการเนื้อหา

แพลตฟอร์ม CMS ยอดนิยม

มีแพลตฟอร์ม CMS มากมายในตลาด ซึ่งแต่ละแพลตฟอร์มก็มีคุณสมบัติและความสามารถเฉพาะของตัวเอง นี่คือบางส่วนของแพลตฟอร์ม CMS ที่ได้รับความนิยมสูงสุด:

WordPress

WordPress เป็นแพลตฟอร์ม CMS ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก โดยให้บริการมากกว่า 40% ของเว็บไซต์ทั้งหมดบนอินเทอร์เน็ต เป็นแพลตฟอร์มโอเพ่นซอร์สที่ใช้งานง่าย ปรับแต่งได้สูง และมีคลังปลั๊กอินและธีมมากมาย WordPress เหมาะสำหรับเว็บไซต์ทุกประเภท ตั้งแต่บล็อกธรรมดาไปจนถึงเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซที่ซับซ้อน

Drupal

Drupal เป็นแพลตฟอร์ม CMS ที่ทรงพลังและยืดหยุ่นซึ่งใช้กันอย่างแพร่หลายในองค์กรและองค์กรขนาดใหญ่ เป็นแพลตฟอร์มโอเพ่นซอร์สที่ให้ความปลอดภัยสูง ปรับขนาดได้ และปรับแต่งได้ Drupal เหมาะสำหรับเว็บไซต์ที่ซับซ้อนซึ่งต้องการคุณสมบัติและการทำงานขั้นสูง

Joomla

Joomla เป็นแพลตฟอร์ม CMS แบบโอเพ่นซอร์สยอดนิยมอีกตัวที่ใช้งานง่ายและปรับแต่งได้สูง มันมีคุณสมบัติและส่วนขยายที่หลากหลายที่ช่วยให้ผู้ใช้สร้างเว็บไซต์ที่ซับซ้อนได้อย่างง่ายดาย Joomla เหมาะสำหรับธุรกิจขนาดเล็กถึงขนาดกลางและองค์กรไม่แสวงหากำไร

Squarespace

Squarespace เป็นแพลตฟอร์ม CMS ยอดนิยมที่ออกแบบมาเพื่อการสร้างเว็บไซต์ที่สวยงามตระการตา มีเทมเพลตและธีมมากมายที่สามารถปรับแต่งได้ รวมถึงอินเทอร์เฟซแบบลากและวางที่ทำให้สร้างและแก้ไขเนื้อหาได้ง่าย Squarespace เหมาะสำหรับธุรกิจขนาดเล็ก ศิลปิน และครีเอทีฟ

Wix

Wix เป็นแพลตฟอร์ม CMS บนคลาวด์ยอดนิยมที่ช่วยให้ผู้ใช้สร้างเว็บไซต์โดยไม่ต้องมีความรู้ด้านการเขียนโค้ด มีเทมเพลตและธีมมากมายที่สามารถปรับแต่งได้ รวมถึงอินเทอร์เฟซแบบลากและวางที่ทำให้สร้างและแก้ไขเนื้อหาได้ง่าย Wix เหมาะสำหรับธุรกิจขนาดเล็กและบุคคลทั่วไปที่ต้องการสร้างเว็บไซต์อย่างรวดเร็วและง่ายดาย

วีโอไอพี

Magento เป็นแพลตฟอร์ม CMS แบบโอเพ่นซอร์สที่มีประสิทธิภาพซึ่งออกแบบมาสำหรับเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ มันมีคุณสมบัติและส่วนขยายมากมายที่ช่วยให้ผู้ใช้สร้างร้านค้าออนไลน์ที่ซับซ้อนได้อย่างง่ายดาย Magento เหมาะสำหรับธุรกิจขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ที่ต้องการฟังก์ชันอีคอมเมิร์ซขั้นสูง

Typo3

Typo3 เป็นแพลตฟอร์ม CMS แบบโอเพ่นซอร์สที่มีประสิทธิภาพซึ่งใช้กันอย่างแพร่หลายในองค์กรและองค์กรขนาดใหญ่ มันมีคุณสมบัติและส่วนขยายมากมายที่ช่วยให้ผู้ใช้สร้างเว็บไซต์ที่ซับซ้อนได้อย่างง่ายดาย Typo3 เหมาะสำหรับเว็บไซต์ที่ต้องการฟีเจอร์และฟังก์ชันขั้นสูง

Shopify

Shopify เป็นแพลตฟอร์ม CMS บนคลาวด์ยอดนิยมที่ออกแบบมาสำหรับเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ มันมีคุณสมบัติและส่วนขยายมากมายที่ช่วยให้ผู้ใช้สร้างร้านค้าออนไลน์ได้อย่างง่ายดาย Shopify เหมาะสำหรับธุรกิจขนาดเล็กถึงขนาดกลางที่ต้องการสร้างร้านค้าออนไลน์อย่างรวดเร็วและง่ายดาย

โดยสรุปแล้ว มีแพลตฟอร์ม CMS มากมายในตลาด ซึ่งแต่ละแพลตฟอร์มก็มีคุณสมบัติและความสามารถเฉพาะของตัวเอง ทางเลือกของแพลตฟอร์ม CMS ขึ้นอยู่กับความต้องการและข้อกำหนดเฉพาะของเว็บไซต์

CMS ทำงานอย่างไร

ระบบจัดการเนื้อหา (CMS) คือแอปพลิเคชันซอฟต์แวร์ที่ช่วยให้ผู้ใช้สร้าง จัดการ และเผยแพร่เนื้อหาดิจิทัล CMS ได้รับการออกแบบมาเพื่อลดความซับซ้อนของกระบวนการสร้างและจัดการเว็บไซต์ บล็อก และเนื้อหาดิจิทัลอื่นๆ นี่คือวิธีการทำงานของ CMS

ส่วนประกอบ

CMS ประกอบด้วยสององค์ประกอบหลัก: ส่วนหน้าและส่วนหลัง ส่วนหน้าเป็นส่วนหนึ่งของ CMS ที่ผู้ใช้เห็นและโต้ตอบด้วย อนุญาตให้ผู้ใช้สร้าง แก้ไข และเผยแพร่เนื้อหา ส่วนหลังเป็นส่วนหนึ่งของ CMS ที่จัดการเนื้อหา ประกอบด้วยฐานข้อมูล เซิร์ฟเวอร์ และส่วนประกอบอื่นๆ ที่จัดเก็บและจัดการเนื้อหา

Front-end

ส่วนหน้าของ CMS คือที่ที่ผู้ใช้สร้างและจัดการเนื้อหา โดยทั่วไปมีส่วนต่อประสานกับผู้ใช้ที่อนุญาตให้ผู้ใช้เพิ่มและแก้ไขข้อความ รูปภาพ วิดีโอ และเนื้อหาประเภทอื่นๆ ส่วนหน้าอาจมีเครื่องมือสำหรับจัดรูปแบบข้อความ สร้างลิงก์ และเพิ่มสื่อ

Back-end

ส่วนหลังของ CMS เป็นที่จัดเก็บและจัดการเนื้อหา ประกอบด้วยฐานข้อมูล เซิร์ฟเวอร์ และส่วนประกอบอื่นๆ ที่จัดเก็บและจัดการเนื้อหา แบ็คเอนด์อาจมีเครื่องมือสำหรับจัดการผู้ใช้ สิทธิ์ และการตั้งค่าอื่นๆ

โดยทั่วไปแล้ว CMS จะอนุญาตให้ผู้ใช้หลายคนทำงานในเนื้อหาเดียวกันได้ในเวลาเดียวกัน นอกจากนี้ยังมีการควบคุมเวอร์ชันซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถติดตามการเปลี่ยนแปลงเนื้อหาเมื่อเวลาผ่านไป ทำให้ง่ายต่อการเปลี่ยนกลับเป็นเนื้อหาเวอร์ชันก่อนหน้าหากจำเป็น

รหัส

CMS สร้างขึ้นโดยใช้ภาษาการเขียนโปรแกรมที่หลากหลาย รวมถึง PHP, Java และ Ruby on Rails CMS อาจใช้ฐานข้อมูลเช่น MySQL, PostgreSQL และ MongoDB เพื่อจัดเก็บเนื้อหา นอกจากนี้ CMS ยังอาจใช้เฟรมเวิร์กส่วนหน้า เช่น React, Angular และ Vue.js เพื่อให้อินเทอร์เฟซผู้ใช้สมบูรณ์

สรุปได้ว่า CMS ช่วยให้กระบวนการสร้างและจัดการเนื้อหาดิจิทัลง่ายขึ้น ประกอบด้วยสององค์ประกอบหลัก: ส่วนหน้าและส่วนหลัง ส่วนหน้าช่วยให้ผู้ใช้สร้างและจัดการเนื้อหา ในขณะที่ส่วนหลังจัดการเนื้อหา CMS สร้างขึ้นโดยใช้ภาษาโปรแกรมและฐานข้อมูลที่หลากหลาย

การเลือก CMS ที่เหมาะสม

เมื่อต้องเลือก CMS ที่เหมาะสม มีหลายปัจจัยที่ต้องพิจารณา การเลือกใช้ CMS อาจส่งผลต่อความสำเร็จของเว็บไซต์ของคุณ ดังนั้น การเลือกอย่างชาญฉลาดจึงเป็นสิ่งสำคัญ ต่อไปนี้คือปัจจัยสำคัญที่ควรคำนึงถึง:

ปัจจัยที่ต้องพิจารณา

ความชำนาญทางเทคนิค

ปัจจัยที่สำคัญที่สุดประการหนึ่งที่ต้องพิจารณาคือระดับความเชี่ยวชาญด้านเทคนิคที่จำเป็นต่อการใช้งาน CMS แพลตฟอร์ม CMS บางแพลตฟอร์มเป็นมิตรกับผู้ใช้มากกว่าแพลตฟอร์มอื่นๆ หากคุณมีทีมที่มีทักษะทางเทคนิคจำกัด การเลือก CMS ที่ใช้งานง่ายและต้องการความรู้ด้านเทคนิคน้อยที่สุดอาจเป็นการดีที่สุด

ธีมและเทมเพลต

ปัจจัยสำคัญอีกประการที่ต้องพิจารณาคือความพร้อมใช้งานของธีมและเทมเพลต เหล่านี้คือเค้าโครงที่ออกแบบไว้ล่วงหน้าซึ่งสามารถปรับแต่งให้เหมาะกับแบรนด์และสไตล์ของคุณได้ มองหา CMS ที่มีธีมและเทมเพลตให้เลือกมากมาย หรือที่ช่วยให้ปรับแต่งได้ง่าย

ปลั๊กอินและส่วนขยาย

ปลั๊กอินและส่วนขยายเป็นคุณลักษณะเพิ่มเติมที่สามารถเพิ่มลงใน CMS เพื่อปรับปรุงฟังก์ชันการทำงาน มองหา CMS ที่มีปลั๊กอินและส่วนขยายให้เลือกมากมาย หรือที่ช่วยให้ผสานรวมกับปลั๊กอินและส่วนขยายของบุคคลที่สามได้ง่าย

การเปลี่ยนแปลง

แพลตฟอร์ม CMS บางแพลตฟอร์มมีความยืดหยุ่นมากกว่าแพลตฟอร์มอื่นในการปรับเปลี่ยน หากคุณมีความต้องการปรับแต่งเฉพาะ ให้มองหา CMS ที่ช่วยให้แก้ไขและปรับแต่งได้ง่าย

โดยสรุปแล้ว การเลือก CMS ที่เหมาะสมคือการตัดสินใจที่สำคัญซึ่งอาจส่งผลต่อความสำเร็จของเว็บไซต์ของคุณ พิจารณาปัจจัยต่างๆ เช่น ความเชี่ยวชาญด้านเทคนิค ธีมและเทมเพลต ปลั๊กอินและส่วนขยาย และการปรับเปลี่ยนเมื่อทำการเลือก

สรุป

กล่าวโดยสรุป ระบบจัดการเนื้อหา (CMS) คือแอปพลิเคชันซอฟต์แวร์ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถสร้าง แก้ไข เผยแพร่ จัดการ และปรับเปลี่ยนเนื้อหาบนเว็บไซต์โดยไม่ต้องมีความรู้ทางเทคนิคเฉพาะด้าน CMS เป็นเครื่องมือที่ต้องมีที่ช่วยให้ผู้ใช้ทางธุรกิจสามารถสร้างเว็บไซต์ได้โดยไม่ต้องเขียนโค้ดแม้แต่บรรทัดเดียวหรือแม้แต่ไม่รู้ภาษาโปรแกรมใดๆ

มีระบบการจัดการเนื้อหาหลายประเภท เช่น WordPress, Drupal, Joomla และอื่นๆ อีกมากมาย CMS แต่ละชุดมีชุดคุณลักษณะและฟังก์ชันการทำงานของตนเองที่ตอบสนองความต้องการเฉพาะของธุรกิจและบุคคลต่างๆ

ข้อดีอย่างหนึ่งของการใช้ CMS คือช่วยให้ผู้ใช้สามารถมุ่งเน้นไปที่ส่วนหน้าของการสร้างเว็บไซต์ เช่น การปรับแต่งการออกแบบเว็บไซต์และการจัดการเนื้อหา โดยไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเทคนิคส่วนหลัง สิ่งนี้ทำให้การสร้างเว็บไซต์ง่ายขึ้นและใช้เวลาน้อยลง

ข้อดีอีกประการของการใช้ CMS คือทำให้การทำงานร่วมกับสมาชิกในทีมคนอื่นๆ ง่ายขึ้น เช่น ผู้เขียนเนื้อหา บรรณาธิการ และนักออกแบบ เนื่องจากทุกคนสามารถทำงานบนแพลตฟอร์มเดียวกันและเข้าถึงเนื้อหาเดียวกันได้

โดยรวมแล้ว CMS เป็นเครื่องมืออันทรงพลังที่ช่วยให้ธุรกิจและบุคคลทั่วไปสร้างและจัดการเว็บไซต์ได้อย่างง่ายดาย ด้วย CMS ที่เหมาะสม ใครๆ ก็สามารถสร้างเว็บไซต์ที่ดูเป็นมืออาชีพซึ่งมีทั้งประโยชน์ใช้สอยและความสวยงาม

อ่านเพิ่มเติม

ระบบจัดการเนื้อหา (CMS) เป็นแพลตฟอร์มซอฟต์แวร์ที่ช่วยให้ผู้ใช้สร้าง จัดการ และแก้ไขเนื้อหาบนเว็บไซต์ (ที่มา: Kinsta). ทำหน้าที่เป็นที่เดียวในการจัดเก็บเนื้อหาและจัดเตรียมกระบวนการอัตโนมัติสำหรับการจัดการและการสร้างเนื้อหาดิจิทัลร่วมกันโดยใช้เวิร์กโฟลว์ในตัว (หรือออกแบบมา) (ที่มา: คำพยากรณ์).

ข้อกำหนดการโฮสต์เว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง

รับทราบ! เข้าร่วมจดหมายข่าวของเรา
สมัครสมาชิกตอนนี้และรับสิทธิ์เข้าถึงคำแนะนำ เครื่องมือ และทรัพยากรสำหรับสมาชิกเท่านั้นฟรี
คุณสามารถยกเลิกการสมัครได้ตลอดเวลา ข้อมูลของคุณปลอดภัย
รับทราบ! เข้าร่วมจดหมายข่าวของเรา
สมัครสมาชิกตอนนี้และรับสิทธิ์เข้าถึงคำแนะนำ เครื่องมือ และทรัพยากรสำหรับสมาชิกเท่านั้นฟรี
คุณสามารถยกเลิกการสมัครได้ตลอดเวลา ข้อมูลของคุณปลอดภัย
แชร์ไปที่...